วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นางเอกคนดังในวรรณคดี

กลุ่มแรก : สวย ดีจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง ได้แก่

1. นางสีดา จากเรื่องรามเกียรติ์
นางสีดาเป็นมเหสีของพระราม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์มาปราบยักษ์ คือทศกัณฐ์ รูปโฉมของนางสีดานั้นเป็นที่เลืองลือว่างามล้ำเลิศจนไม่มีมนุษย์หรือเทพธิดาใดสามารถเทียบได้ ทศกัณฐ์เจ้ากรุงลงกามาลักพาตัวไป จนเกิดศึกชิงนางยืดเยื้อนานถึงสิบกว่าปี พระรามจึงรบชนะทศกัณฑ์พานางกลับมาได้ นางสีดาก็ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและความจงรักภักดีด้วยการลุยไฟต่อหน้าพระรามพระสวามี ดังนั้นนอกจากความสวยงามแล้ว การพิสูจน์ความรักด้วยการลุยไฟของนางสีดา ก็เป็นสิ่งถูกนำมามาพูดกันอยู่เสมอ

2. นางสาวิตรี จากเรื่องสาวิตรี
นางสาวิตรีไม่ใช่คนดัง นางเป็นพระธิดาของท้าวอัศวบดี เมื่อโตเป็นสาว พระบิดาให้เลือกพระสวามีเองตามใจชอบ นางได้เลือกพระสัตยวานซึ่งได้รับการทำนายว่าจะมีอายุอยู่ได้อีกเพียงปีเดียว แม้จะถูกทัดทานอย่างไร นางก็ไม่เปลี่ยนใจและได้แต่งงานกันในที่สุด ต่อมาอีกปีพระสัตยวานก็ตายลงดังคำทำนาย นางสาวิตรีได้พบกับพระยมและเดินตามพระยมที่พาวิญญาณสวามีไป ระหว่างทางนางได้ใช้สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดโต้ตอบกับพระยมด้วยถ้อยคำอ่อนน้อมไพเราะ จนพระยมใจอ่อนให้พรตามที่นางขอโดยลำดับ แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามขอชีวิตสวามี นางได้ขอพรว่าขอให้นางมีโอรสที่เรืองฤทธิ์ร้อยองค์ พระยมกำลังให้พรเพลินก็ลืมฉุกใจคิด ให้พรตามที่ขอ นางจึงบอกต่อพระยมว่าพรสุดท้ายที่ขอนั้นไม่อาจจะสำเร็จได้ หากไม่มีสามีคือพระสัตยวาน ในที่สุดพระยมจึงต้องคืนสวามีให้
จึงเป็นอันกล่าวได้ว่านางสาวิตรีเป็นนางเอกที่เฉลียวฉลาดและรู้จักใช้วาทศิลป์จนได้ในสิ่งที่ปรารถนา และยังมีความกล้าหาญไม่กลัวพระยมที่เป็นเจ้าแห่งความตายด้วย


. นางเอื้อย จากนิทานพื้นบ้านเรื่อง ปลาบู่ทอง
ปลาบู่ทองเป็นเรื่องที่คนไทยรู้จักกันดี แม่นางเอื้อยถูกพ่อทุบตีจนตกน้ำตาย กลายเป็นปลาบู่ทองมาหาลูก ส่วนตัวนางเอื้อยเองก็ถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงและนางอ้ายลูกแม่เลี้ยงต่าง ๆ นานา นางเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณยิ่ง แม้ว่าแม่จะเป็นปลาก็ยังหาอาหารไปให้แม่ ครั้นแม่ปลาถูกฆ่าตายกลายไปเป็นต้นมะเขือ ก็พยายามบำรุงรดน้ำต้นมะเขืออย่างดี ครั้นมะเขือถูกทำลายก็หาทางนำเมล็ดไปปลูกใหม่จนกลายเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง และต่อมาได้เข้าวังเป็นสนมเอกในพระเจ้าพรหมทัต ระหว่างนี้ถูกหลอกให้มาเยี่ยมพ่อ และถูกแม่เลี้ยงทำอุบายฆ่าตายกลายเป็นนกแขกเต้าในที่สุด
ต่อมาภายหลังนางเอื้อยก็ได้ฤษีชุบชีวิตและให้ความช่วยเหลือจนได้กลับครองรักกับพระเจ้าพรหมทัตใหม่อีกครั้งนับเป็นนางเอกแสนดีแม้จะถูกทารุณกรรม แต่ก็มีความกตัญญูยิ่ง

กลุ่มที่ 2 : ประเภทรักลำบาก พลัดพรากจนถึงต้องสังเวยชีวิต ได้แก่

1. นางรจนา จากเรื่องสังข์ทอง
นางรจนาเป็นพระธิดาองค์สุดท้องในจำนวนพระธิดาเจ็ดองค์ของท้าวสามลจากเรื่องสังข์ทอง พี่ ๆ เลือกคู่ได้พระสวาได้สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว แต่นางรจนายังเลือกใครไม่ได้ จนต้องป่าวประกาศอีกครั้ง เจ้าเงาะได้มาให้นางเลือกด้วย เนื่องจากบุพเพสันนิวาสจึงทำให้นางเห็น “รูปสุวรรณชั้นใน รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง”นางจึงเลือกเจ้าเงาะรูปชั่วตัวดำจนถูกเยาะเย้ยถากถาง ท้าวสามลกริ้วสุด ๆ จึงขับไล่นางกับเจ้าเงาะไปอยู่กระท่อมปลายนา ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามประสายาก พระอินทร์ทนไม่ได้ จึงต้องแปลงร่างมาท้าตีคลีเพื่อช่วยให้เจ้าเงาะได้ถอดรูปให้ทุกคนเห็นรูปทองในที่สุด
ดังนั้นสาว ๆ คนใดไม่ยอมแต่งงานมักจะถูกล้อว่า “ทำไมไม่ลองเสี่ยงพวงมาลัย” หรือถ้าควงแฟนที่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ มักถูกหาว่าเป็นนางรจนาควงเจ้าเงาะ

2. นางเมรี จากวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่องนางสิบสอง
นางเมรีเป็นลูกนางยักษ์ ซึ่งเดิมได้เลี้ยงนางสิบสองมา นางยักษ์โกรธแค้นที่นางสิบสองหนีมา จึงได้ทำอุบายจนได้เป็นมเหสีของท้าวรถสิทธิ์ พระสวามีนางสิบสอง และใช้มารยาควักลูกตานางสิบสองเสีย ยกเว้นนางเภา – น้องสุดท้องที่ถูกควักตาเพียงข้างเดียวและเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กินลูกเพราะความหิวโหย จนลูกคือ พระรถเสนได้เจริญวัยขึ้น เมื่อความทราบถึงพระรถสิทธิ์ พระองค์ก็ให้รับตัวเข้าวัง ต่อมานางยักษ์ได้ออกอุบายจะฆ่าพระรถเสนโดยแกล้งป่วยแล้วให้ไปเอายาในเมืองที่นางเมรีอยู่ โดยฝากสารสั่งให้นางเมรีว่า “ถึงเมืองเมื่อไรก็ให้ฆ่า(พระรถเสน)เมื่อนั้น”
ระหว่างเดินทาง พระรถเสนได้พบกับพระฤๅษีตนหนึ่ง พระฤๅษีก็ได้แปลงสารเป็นว่า “ถึงเมื่อไรก็ให้แต่งงานเมื่อนั้น” ซึ่งท้าวรถเสนเองเห็นนางก็หลงรักและแต่งงานกัน แต่เนื่องจากมีงานสำคัญคือช่วยแม่และป้าที่รออยู่ พระรถเสนจึงได้มอมเหล้านางเมรีพร้อมขโมยลูกตาและยาที่จะช่วยแม่กับป้าไป นางเมรีเมื่อสร่างเมา ตามไปก็ถูกพระรถเสนใช้ของวิเศษขัดขวางนางทำให้ตามไปไม่ได้ นางจึงคร่ำครวญจนสิ้นใจตาย ถือเป็นนางเอกที่มีรักแท้แต่เพราะน้ำเมาจึงต้องเสียทั้งคนรักและชีวิตตนในที่สุด คนจึงมักเรียกสาว ๆ ที่ขี้เหล้าว่า นางเมรีขี้เมา และก็มักเปรียบเวลาเปลี่ยนข้อความในจดหมายหรือหนังสือต่าง ๆ ว่าเป็น “ฤๅษีแปลงสาร”
3. พระเพื่อนพระแพง จากวรรณคดีเรื่องลิลิพระลอ
พระเพื่อนพระแพง - สองพระธิดาผู้เลอโฉมของเมืองสรอง ได้ยินคำร่ำลือชมรูปโฉมที่เลอเลิศของพระลอ กษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองแมนสรวงก็เกิดตกหลุมรัก จึงใช้อุบายและทำเสน่ห์จนพระลอซึ่งแม้จะมีมเหสีอยู่แล้ว ก็ทิ้งมเหสีและบ้านเมืองตามไปหาพระเพื่อนพระแพงที่เมืองสรอง แต่ที่สุดก็กลายโศกนาฏกรรมรัก เพราะทั้งพระลอและพระเพื่อนพระแพงต่างต้องมาตายด้วยความแค้นของเจ้าย่าที่ไม่ยอมให้อภัยพ่อของพระลอที่ฆ่าสามีตน หรือปู่ของพระเพื่อนพระแพงนั่นเอง แม้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่เมื่อใครเอ่ยถึงสาวใดว่าเป็นเหมือนพระเพื่อนพระแพง ส่วนใหญ่จะมีความหมายว่าหน้าตาคล้ายกัน หรือแต่งตัวเหมือน ๆ กันมากกว่าจะพาดพิงไปถึงเนื้อหาดังกล่าวข้างต้น
กลุ่มที่ 3 : ประเภทรักลำบาก พลัดพรากจนถึงต้องสังเวยชีวิต ได้แก่
นางวันทอง โมรา กากี จัดเป็นนางเอกประเภทสวยเอ็กซ์ คือ นอกจากสวยแล้วคงต้องเซ็กซี่ มีเสน่ห์แรงด้วย ถึงมีชายเข้าหาอยู่เสมอ จึงทำให้มีแต่เรื่องฉาวคาวโลกีย์ และถูกประณามหยามหมิ่นมากที่สุด ปัจจุบันกลุ่มนี้ได้ถูกนำมาถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ว่านางชั่วเพราะใคร หากจะพิจารณาในแง่มุมของชาย แน่นอนผู้หญิงเหล่านี้ประพฤติผิดความเป็นลูกผู้หญิง แต่ถ้าได้พินิจพิเคราะห์ถึงสภาพแวดล้อม และความจำยอมของแต่ละคนแล้วล่ะก็ อาจจะสงสารเห็นใจนางก็ได้ อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของนางเอกเหล่านี้ก็ยังถูกหยิบมาต่อว่าหญิงอยู่เสมอ คือ
1. นางวันทอง จากเรื่องขุนช้างขุนเผน
นางวันทอง เดิมชื่อพิมพิลาไลย เป็นนางเอกในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน (เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อแก้เคล็ดให้หายป่วย ตอนขุนแผนไปรบ) นางถูกยื้อไปแย่งมาระหว่างขุนแผน และขุนช้าง จนในที่สุดพระพันวษาต้องให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะถึงแม้ขุนแผนจะเจ้าชู้จนมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นรักแรกและยังมีลูกด้วยกันคือพลายงาม ส่วนขุนช้างแม้จะขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็มีรักจริงและรักเดียว แถมดูแลนางอย่างดีเพราะมีเงินทองร่ำรวย การที่นางไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดนี่เอง จึงทำให้ถูกพระพันวษาสั่งประหารชีวิตด้วยความกริ้ว และเป็นเหตุให้ถูกประณามว่า เป็นวันทองสองใจบ้าง นางวันทองสองผัวบ้าง ทั้ง ๆ ที่ชีวิตนางวันทองน่าเห็นใจไม่น้อย เพราะถูกสองหนุ่มยื้อกันไปยื้อกันมา แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็อยู่ในภาวะจำยอมเพราะช่วยตัวเองไม่ได้
2. นางโมรา จากเรื่องจันทโครพ
เรื่อง จันทโครพ เจ้าชายจันทโครพได้ไปศึกษาเล่าเรียนอยู่กับพระฤๅษีตนหนึ่งจนสำเร็จวิชา อาจารย์เลยให้ผอบทองซึ่งมีสาวสวยคือนางโมราอยู่ข้างใน โดยพระฤษีได้กำชับว่าอย่าเปิดผอบระหว่างทาง แต่จันทโครพห้ามความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ จึงเปิดผอบออกมาเห็นนางโมราก็ตกหลุมรักและได้นางเป็นชายาที่กลางป่านั่นเอง แต่ขณะที่ทั้งคู่เดินทางกลับเมือง ได้เจอโจรป่าเข้า เลยจึงถูกปล้นหวังจะชิงนางโมรา ทั้งสองได้ต่อสู้กันขึ้น ท้ายสุดพระขรรค์หลุดจากพระหัตถ์ของจันทโครพ จันทโครพตะโกนให้นางส่งพระขรรค์ให้ แต่นางกลับส่งให้โจรจนฆ่าจันทโครพตาย ส่วนโจรเมื่อได้นางโมราแล้ว เกิดไม่แน่ใจกลัวถูกทรยศ จึงแอบหนีนางไป ทำให้นางต้องระหกระเหินหิวโหยอยู่ในป่า พระอินทร์จึงแปลงเป็นเหยี่ยวคาบชิ้นเนื้อมาลองใจ ว่าให้ชิ้นเนื้อแล้วนางต้องมาเป็นภรรยา นางโมราก็ไม่แสดงอาการขัดข้อง พระอินทร์เห็นเช่นนั้น จึงโกรธว่าเป็นหญิงมักมากในกามคุณ ไม่เลือกว่าโจรหรือสัตว์ แล้วสาปนางโมราให้กลายเป็นชะนีส่งเสียงร้องโหยหวนว่า “ผัววว........" นางโมราจึงเป็นอีกนางหนึ่งที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นหญิงไม่ดี เป็นคนหลายใจ และที่ว่าชะนีร้องหาผัวก็มาจากเรื่องนี้นี่เอง
3. นางกากี จากเรื่องกากี
กากีเป็นนางเอกที่อื้อฉาวที่สุดก็ว่าได้ นอกจากจะมีรูปกายงดงามราวกับเทพธิดาแล้ว นางยังมีกลิ่นกายหอมเป็นเสน่ห์พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ชายใดที่แตะต้องสัมผัสนางกลิ่นกายนางก็จะหอมติดชายคนนั้นไปถึงเจ็ดวันเลยทีเดียว นางกากีเป็นพระมเหสีของท้าวบรมพรหมทัต ซึ่งโปรดการเล่นสกามาก และมีพระยาครุฑเวนไตยซึ่งแปลงร่างเป็นมานพรูปงามมาเล่นสกาอยู่ด้วยเนืองๆ จนวันหนึ่งเล่นเพลิน มิได้ไปหานางกากี นางจึงมาแอบดู และสบตาเข้ากับพระยาครุฑแปลง ต่างก็เกิดอาการหวั่นไหว ภาษาสมัยใหม่ก็ต้องว่าเกิดอาการ”ปิ๊ง”กัน ต่อมาพระยาครุฑได้บินมาลักพานางไปอยู่ที่วิมานฉิมพลี ทำให้ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มพระทัย คนธรรพ์นาฏกุเวร (คนธรรพ์คือเทวดาชั้นผู้น้อยที่มีความชำนาญด้านดนตรี) ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของท่านท้าวก็อาสาจะพานางกลับมาให้ จึงได้แปลงตัวเป็นไรแทรกขนครุฑตามไปวิมานของครุฑ ครั้นพระยาครุฑบินออกไปหาอาหาร นาฏกุเวรคนธรรพ์ก็ออกมา แต่แทนที่จะพานางกลับเมือง กลับเกี้ยวพาและเล้าโลมนางจนได้เสียกัน แล้วกลับมารายงานท่านท้าวว่านางกากีจะอยู่กับครุฑและตนได้เสียกับนางแล้วเพื่อให้ครุฑรังเกียจนาง ท่านท้าวก็โกรธแต่ทำอะไรมิได้ ต่อมาพระยาครุฑแปลงมาเล่นสกาอีก ก็ถูกคนธรรพ์เล่นพิณเยาะเย้ย เมื่อสอบถามได้ความจริง พระยาครุฑก็โกรธนางกากี นำกลับมาปล่อยไว้ในเมือง ครั้นท่านท้าวเห็นนางก็ว่าถากถางและนำนางไปลอยแพกลางทะเล ต่อมานางได้รับความช่วยเหลือจากนายสำเภา ซึ่งได้รับนางเป็นภรรยา แต่เคราะห์กรรมนางก็ยังไม่หมด ต่อมาถูกนายโจรมาลักพาตัวไปเพราะหลงใหลในความงาม ปรากฏว่าในหมู่โจรก็เกิดการแย่งชิงนางขึ้นมาอีก นางหนีไปได้ ต่อมาได้เป็นมเหสีของท้าวทศวงศ์ กษัตริย์อีกเมือง สุดท้ายปรากฏว่านาฏกุเวรที่ได้ครองเมืองแทนท้าวบรมพรหมทัตที่สวรรคตลง ก็ตามไปชิงนางคืนมาและฆ่าท้าวทศวงศ์เสีย เรื่องก็จบลง นับดูแล้วนางกากีมีสามีถึง ๕ คน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างมาก จึงต้องตกระกำลำบากถูกสังคมประณามเพราะเสน่ห์แรงเกินไปนี่เอง
คนสุดท้ายนี้ ต่างไปจากกลุ่มข้างต้น เพราะนอกจากจะเป็นสามัญชนคนธรรมดาแล้ว ยังแสนจะขี้เหร่ ชนิดพระเอกไม่มองแล้วยังกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา อีกด้วย คือ นางแก้วหน้าม้า จากนิทานพื้นบ้านเรื่องแก้วหน้าม้า
ในเรื่องกล่าวถึงพระเอกคือพระปิ่นทองไปทรงว่าวแล้วสายป่านเกิดขาด ว่าวลอยไปตกหน้าบ้านนางแก้วหน้าม้า พระปิ่นทองตามมาขอคืน นางก็ยืนข้อเสนอว่าต้องสัญญาว่าจะรับนางไปเป็นมเหสีในวังจึงจะคืนว่าวให้ พระปิ่นทองก็แสร้งรับปากเพื่อหลอกเอาว่าวคืน นางแก้วรอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นมีใครมารับ ก็ขอให้พ่อแม่ช่วย พ่อแม่ก็ไปให้ ท้าวภูวดลพ่อพระปิ่นทองทราบเรื่องก็พิโรธ แต่พระมเหสีนันทามีความยุติธรรม ก็ให้ไปรับนางแก้วเข้าวัง เพราะถือว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ซึ่งเมื่อนางแก้วเข้าวังแล้วก็ไปทำเรื่องต่างๆนานา แม้ท้าวภูวดลและพระปิ่นทองจะพยายามหาทางกำจัดนางด้วยการให้ไปเอาเขาพระสุเมรุมา นางก็นำมาได้ และยังได้พบฤษีช่วยถอดหน้าม้าให้กลายเป็นสาวสวย ซึ่งเนื้อเรื่องยังดำเนินไปอย่างสนุกสนานเต็มไปด้วยความเก่งกาจของนางแก้วหน้าม้าที่ได้ของวิเศษมาจากฤษี จนท้ายที่สุดก็ได้จบด้วยความสุข ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงนางแก้วหน้าม้า มักจะหมายถึงหญิงที่มีนิสัยหรือกิริยาไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก ซึ่งบางทีก็เรียกว่า ม้าดีดกะโหลก
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “นางในวรรณคดีไทย” ซึ่งยังมีอีกหลายคน แต่ละคนก็มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นนางเอก อย่างนางบุษบา นางมโนราห์ บ้างก็เป็นนางรอง อย่างนางจินตะหรา นางสร้อยฟ้า นางละเวงวัณฬา เป็นต้น ซึ่งเรื่องราวโดยย่อดังกล่าวคงทำให้เด็ก และเยาวชนตลอดจนผู้สนใจได้รู้จักนางเอกในวรรณคดีเพิ่มขึ้น รู้ความเป็นมาของคำกล่าวหรือสำนวนว่ามาจากไหน โดยเฉพาะการกล่าวอ้างถึงนางเอกยอดนิยมที่มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ


http://poobpab.com/content/gred_wan_ka_dee/nangeeg.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น